ผมกำลังจินตนาการไปถึงบทสนทนาระหว่างโดราเอม่อนกับชินจัง...เจ้าแมวสีฟ้าซึ่งเคยผ่านการสูญเสียมาก่อน ยกมือกลมป้อมลูบศีรษะของชินจังที่กำลังเศร้าสร้อยเพราะบุคคลอันเป็นที่รักจากไปอย่างไม่มีวันกลับ คงกำลังบอกเพื่อนว่า “ชินจัง ทำใจซะเถอะนะ พ่อของนายไปดีแล้ว...”
แม้จะโตมากับการ์ตูนญี่ปุ่นแต่จำนวนวันของการใช้ชีวิตอยู่บนโลกที่เพิ่มมากขึ้น โลกแห่งความจริงที่เหมือนจะตอกย้ำให้เรารู้ว่า การ์ตูนเป็นเรื่องสำหรับเด็กเท่านั้น เมื่อทราบข่าวเรื่องการจากไปของ‘โยชิโตะ อุซุย’ ผู้เขียน ‘ชินจังจอมแก่น’ ผมจึงรู้สึก เฉยๆ
โลกแห่งความเป็นจริงโถมทับ ทำให้ผมโตขึ้นมาอย่างคนที่เตรียมพร้อมและยินยอมที่จะเดินเข้าไปในกรอบที่ถูกครอบไว้ด้วยกฎหมาย กฎหมู่ และกฎอะไรต่อมิอะไรอีกสารพัด จนทำให้จินตนาการอันกว้างไกลที่เคยมีในวัยเด็กหายไปด้วย (พอเจอคำถามของหลานชายช่างสงสัย “พี่ครับทำไมขี้จิ้งจกมีสองสี, ใครเป็นคนไปเปิดไฟให้ดาว, รถยนต์แท้ๆแต่ทำไมต้องใช้แรงม้า ทำเอาผมถึงกับอึ้ง)
พอได้เห็นภาพนี้ เหมือนทำให้ใจได้ฉุกคิด
นานมากแล้วสินะ ที่ผมหลงลืมเพื่อนสองคนนี้ไป...
ผมรู้จักชินจังครั้งแรกจากหน้าจอโทรทัศน์ (สมัยนั้นออกอากาศทางช่อง3 ตอนเย็นหลังเลิกเรียน) รู้สึกตื่นตาตื่นใจไม่น้อย เพราะเพื่อนใหม่วัยห้าขวบคนนั้นมีนิสัยหลายอย่างคล้ายผม (ซนมาก ช่างพูด ชอบจับผิดพ่อ ชอบแกล้งน้อง แกล้งหมา) จะต่างไปบ้าง ตรงที่ชินจังเต้นเก่งมาก (ผมเต้นไม่ได้เรื่องเลย) และฉลาดเป็นกรด (ส่วนผมบางเรื่องไม่ฉลาดเอาเสียเลย)
ชินจังเป็นเด็กแก่แดด ทะลึ่งไม่มีใครเกิน (นึกถึง‘ท่าโชว์ช้างน้อย’อันลือลั่นและ‘ท่ามนุษย์ต่างดาวครึ่งก้น’ ของเจ้าเพื่อนคิ้วหนาสัญชาติญี่ปุ่นคนนี้ขึ้นมาเมื่อไร ยังอมยิ้มได้ไม่รู้ลืม) ชอบสร้างวีรกรรมให้คนทั้งบ้านกล่าวขานได้ทุกเวลา (คุณยังจำมนุษย์หน้ากากกางเกงในของชินจังได้ใช่ไหมครับ) และชอบเล่นอะไรแปลกๆที่เด็กคนอื่นไม่เล่นกัน (เล่นเป็นยุง เล่นเป็นอึ เล่นซ่อนแอบแบบไม่มีคนหา เล่นแกล้งตายบนหิมะ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ชินจังเล่นคนเดียวครับท่าน! )
ส่วน โดราเอม่อน เป็นเพื่อนที่ได้จากการหนังสือการ์ตูน ในความรู้สึกของเด็กแปดขวบ (ตอนนั้น) ผมออกจะหมั่นไส้เจ้าแมวไม่มีหูตัวนี้เป็นอย่างมาก เพราะมันเป็นแมวใจเสาะที่ทั้งเกลียดและกลัวหนูต่างจากแมวทั่วไป หนำซ้ำยังชอบกินขนมโดรายากิแทนที่จะเป็นปลาทูอีกด้วย
แต่พอได้เห็นของวิเศษนานาชนิดที่โดราเอม่อนหยิบออกมาจากกระเป๋ามิติที่สี่ตรงหน้าท้องยามที่เพื่อนซี้อย่างโนบิตะขอความช่วยเหลือ (อุโมงค์คนแคระ ขนมปังช่วยจำข้อสอบ ไฟฉายย่อส่วน ผ้าคลุมย้อนเวลา วุ้นแปลงภาษา คอปเตอร์ไม้ไผ่ ไทม์แมชชีน ฯลฯ) ผมก็อยากเป็นเพื่อนเจ้าแมวสีฟ้าตัวนี้ขึ้นมาทันใด
อาจเป็นเพราะลักษณะนิสัยของชินจังที่มีทั้งความเดียงสาซุกซนสมวัย ร่าเริงแจ่มใส และเป็นเด็กอยากรู้อยากเห็น จึงทำให้เด็กผู้ชายส่วนใหญ่ (รวมทั้งผม) ชอบชินจังมากกว่าตัวการ์ตูนญี่ปุ่นตัวอื่นๆ ส่วนเจ้าแมวสีฟ้าโดราเอม่อน ผมมองเห็นความเป็นผู้นำ และความมีน้ำใจ (เวลาโนบิตะมีปัญหา โดราเอม่อนมักจะมาพร้อมกับของวิเศษ และสามารถช่วยได้ทุกครั้ง) อยู่ในตัวการ์ตูนตัวนี้ ซึ่งผมคิดว่ามีเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้เด็กชายช่างจินตนาการอย่างผมอยากเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ และยอมรับโดราเอม่อนเป็นเพื่อนอย่างง่ายดาย ไม่มีข้อกังขา
ชินจังและโดราเอม่อน มีอิทธิพลต่อวัยเยาว์ของผมค่อนข้างมาก (จำได้ว่าครั้งหนึ่งตอนอายุเจ็ดขวบ ผมเคยโดนแม่ตี เพราะทำตามแบบชินจัง แอบฉี่ใส่ถ้วยไข่ที่แม่เตรียมไว้ทำไข่เจียว และเคยขี้เกียจทำการบ้าน เพราะคิดว่าตัวเองเป็นโนบิตะเพื่อนของโดราเอม่อนจนโดนครูตีอยู่บ่อยๆ) มากพอที่จะทำให้รู้สึกใจหาย หากในเร็ววันนี้ ชินจังกับโดราเอม่อนจะเก็บกระเป๋าเดินตามพ่อของเขาไป จะไม่อยู่แล้ว จริงๆ
ความจริงคือช้าหรือเร็ววันนั้นก็ต้องมาถึง แต่สำหรับวันนี้ หากสามารถทำได้ ผมจะขอยืมประตูไปที่ไหนก็ได้พร้อมกับไฟฉายย่อส่วนของโดราเอม่อน เพื่อแปลงกายเป็นเด็กอีกครั้งแล้วเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของภาพนี้ และบอกชินจังกับโดราเอม่อนว่า
“อย่าเศร้าใจไปเลยนะ นายสองคนจะอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป สัญญา”
Tip
นานาโดราเอม่อน
1. การ์ตูนโดราเอม่อนเป็นผลงานการเขียนของนักเขียนการ์ตูนชาวญี่ปุ่นสองท่านคือ ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ และอาบิโกะ โมโตโอะ โดยใช้นามปากการ่วมกันว่า ‘ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ’
2. แท้จริงแล้วโดราเอม่อนเป็นแมวสีเหลือง แต่เปลี่ยนเป็นสีฟ้าเพราะกินยาผิด
3. เหตุผลที่โดราเอม่อนกลัวหนู เพราะเคยถูกหนูแทะจนหูหายไปเหลือแต่หัวกลมๆ
4. ของวิเศษในกระเป๋ามิติที่สี่ของโดราเอมอนมีมากถึง 4,500 ชิ้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะปรากฏออกมาให้เห็นเพียงตอนเดียว แต่ก็ยังมีของวิเศษบางชิ้นที่โดราเอมอนหยิบมาใช้บ่อยครั้ง เช่น คอปเตอร์ไม้ไผ่ ไทม์แมชชีน เป็นต้น
5. วลีเด็ดติดปากของโดราเอม่อนคือ "โนบิตะ นายทำการบ้านรึยัง!”
Tip
รู้เรื่องชินจังจอมแก่น
1.การ์ตูนชุดชินจังจอมแก่น ออกฉายทางโทรทัศน์ครั้งแรก เมื่อวันที่13 เมษายน พ.ศ.2535 ที่ประเทศญี่ปุ่น จนปัจจุบันมีจำนวนตอน มากกว่า 2,000 ตอน
2.ในบรรดาเพื่อนทั้งหมดของชินจัง ‘โบจัง’ เป็นเด็กที่พูดน้อยและตัวสูงที่สุดในกลุ่ม มีลักษณะเด่นคือมีน้ำมูกไหลย้อยตลอดเวลา และพูดแค่คำว่า "โบ" ตลอดทั้งเรื่อง
3. ‘เจ้าขาว’ หรือชีโร่ สุนัขที่ชินจังนำมาเลี้ยงมีแฟนชื่อเมงุ
4. หน้ากากแอ็คชั่น คือฮีโร่ในดวงใจของชินจัง
5. ‘โยชิโตะ อุซุย’ ผู้เขียน ‘ชินจังจอมแก่น’ เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุตกเขา มีคนพบศพเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552
ปล. อ่านแล้วคิดเห็นประการใด มาแชร์กันนะครับ
มาสมัครเป็นสมาชิกบล็อกแล้วนะคะพี่น้ำน่าน นักเขียนในดวงใจเลยนะเนี่ย..อิอิ อ่านเรื่องราวของตัวการ์ตูนทั้งสองแล้ว ย้อนคิดถึงวัยเยาว์ช่วงที่สมองไม่ต้องทำงานหนักมาก หัวเราะและยิ้มได้ตลอดกับการ์ตูนที่ได้ดู ชอบของวิเศษจากโดเรมอน และชอบความทะเล้นของชินจัง แคอยากบอกว่าทั้งชินจังและโดเรมอนจะอยู่ในใจเสมอค่ะ...ลองใหม่ค่ะเมนต์ถูกที่หรือยังคะ
ตอบลบอ่านแล้วคิดถึงอดีตเมื่อวันวาน ตอนเป็นเด็กๆ พอกลับมาจากโรงเรียน แล้ว ต้องตั้งหน้าตั้งตา รอดู ชินจัง เสาร์อาทิตย์ อยู่บ้านช่วงเช้าตื่นเร็วหน่อย เพื่อรอดูโดเรม่อน มันเป็นช่วงที่มีึความสุขมากๆ เพราะไม่ต้องมีภาระอะไรในชีวิต สนุกกับการจินตนาการ ตามตัวการตูนสองตัวนี้ คุณน้ำน่านเขียนเล่าออกมาจนเกิดภาพจิตนาการตามไป ให้คิดย้อนไปถึงเรื่องราววันก่อนตอนสมันเด็กๆ ได้ดีเลยทีเดียว อ่านแล้วทำให้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ พร้อมกัยภาพความหลังในชีวิตวัยเด็ก ๆ ที่่ผ่านมา ขอบคุณสำหรับบทความที่ทำให้คิดถึงอดีตช่วงวัยเด็ก ของแต่ละคนผ่านตัวการตูนสองตัวนี้ คุณอเล็ก เยอรมันนี
ตอบลบอ่านแล้วทำให้นึกขึ้นได้เช่นกันค่ะ ว่าเมื่อก่อนเคยชอบดูการ์ตูนสองเรื่องนี้มาก แต่จำอะไรเกี่ยวกับสองเรื่องนี้ไม่ได้เลย แต่การอ่านครั้งนี้ก็ทำให้สะกิดความทรงจำ จนนั่งอมยิ้มไปอ่านไป ชินจังกับโดเรมอนสร้างความสุขและความสนุกในวัยเด็กเมื่อครั้งอดีต แต่ปัจจุบัน ชินจังและโดเรมอนสะกิดให้นึกถึงความสุขและความสนุกในอดีต ด้วยปลายปากกาของน้ำน่าน ขอบคุณพี่น้ำน่านที่ทำให้หนูได้อมยิ้มในวันนี้ จะติดตามเรื่อยๆนะคะ
ตอบลบกลิ่นไอของอดีตหวนคืนมาอีกครั้ง ในที่ขณะปัจจุบันไม่อาจเติมเต็ม
ตอบลบสนุก ซาบซึ้งปนความคิกขุ แต่เขียนตกคำว่า "อยู่" ไปนะ “อย่าเศร้าใจไปเลยนะ นายสองคนจะในความทรงจำของเราตลอดไป สัญญา” ทำให้แทนที่จะจบสวยงามจึงสะดุดไป (วิญญาณอ.ภาษาไทยเข้าสิง) กระนั้น คนอ่านก็ฉลาดพอที่จะคาดเดา มองข้าม แลลุ่มหลงภาษาที่ถ่ายทอดมุมมองความคิดอันน่ารักของน้ำน่านที่ซุกซ่อนไว้อย่างเปิดเผย
ตอบลบเค้าเอง
ความเห็นที่5
ตอบลบขอบคุณคับสำหรับคำท้วงติง
แก้ไขแล้วนะคับ
ไว้แวะมาอ่านกันอีกนะคับผม
บุคลิกของชินจังผมไม่ชอบ แต่ก็อดที่จะเอารูปน่ารักนารักของเค้ามาลงเพาเวอร์พอยต์นำเสนอผลงานไม่ได้มันเป็นความน่ารักปนทะเล้นที่จี้เส้นอย่างแรง
ตอบลบส่วนโดเรม่อนเป็นตัวการ์ตูนยอดฮิตสำหรับผมในวันเด็ก เพราะนิสัยผมก็คล้ายๆกับโนบิตะเลย(บางเรื่อง)ก็รุ้สึกใจหายนะถ้าการ์ตูนทั้งสองเรื่องนี้จะไม่มีอีกต่อไป แล้วโนบิตะ(อย่างผม)จะอยู่อย่างไรถ้าไม่มีโดเรม่อน
เค้าเอง ความเห็นที่ 5
ตอบลบอ่านแล้วนึกถึง
ตอบลบคนที่ทำให้เราหัวเราะได้
คนที่ช่วยเหลือเรามาโดยตลอด
คนที่ทำให้เรามีความสุข
แต่บางครั้งเราก็ลืมพวกเขาเหล่านั้นไป
ถึงแม้มันจะเป็นการ์ตูนเล็กๆที่ไม่ได้รับรางวัลอะไรใหญ่โตมากมาย
แต่ ก็เป็นสิ่งที่ผูกพันธ์กับเรามาตั้งแต่เด็ก แม้ทุกๆวันนี้การ์ตูนสองเรื่องนี้แม้จะไม่ได้ออกอากาศ แต่ก็จะเป็นความทรงจำของผมตลอกไปนะ
รีบๆเขียนต่อนะครับ
เป็นกำลังใจให้ นะครับ ^ U ^)Y
วัยเด็ก...ยิ่งอ่านบทความของน้ำน่าน ทำให้ภาพในวัยเด็กย้อนกลับมาอย่างพรั่งพรู ชอบมากเลยค่ะ
ตอบลบทุกวันนี้แม้กาลเวลาผ่านไป แต่ของวิเศษของโดราเอมอนเอย ความขี้เกียจของโนบิตะเอย ตลอดจนถึงความแก่นแก้วและความเฮฮาของชินจังยังคงอยู่ในใจ ว่างๆ ก็หยิบหนังสือการ์ตูนของพวกเขามารำลึกดูความหลัง แถมตอนนี้มาถึงยุคลูกชาย วัย 3 ขวบ เขาก็เลือกที่จะดูโดราเอมอน (ยังไม่ได้ดูชินจังค่ะ 555)การ์ตูนที่เล่ามาคลาสสิค ไร้กาลเวลาจริงๆ
จะรออ่านบทความดีๆ อื่นๆ ของน้ำน่านอยู่นะคะ>>>> แม่ลูกโดด ^_____^
ทำไมไม่มีความคิดเห็นของช้านนนนนนนน
ตอบลบหลายด้านที่เราต้องเจอ
ตอบลบแต่ถึงยังไง ก้อยังชอบดูทั้งสองเรื่องอยู่ดี แม้อายุจะ30กว่าแล้ว สู้ๆๆ พี่น้ำน่าน
ตอบลบ