วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ริมระเบียงใจ (4) Listen - Silent





“นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เขาทำแบบนี้ ฉันเบื่อจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว”

ทันทีที่พบหน้า เพื่อนสนิทที่คบกันมากว่าเจ็ดปีก็เปิดประเด็นด้วยหน้าตาบูดบึ้ง จังหวะที่เธอกำลังสาธยายเรื่องความไม่เอาไหนของคู่ชีวิตที่คบกันมาหลายปีดัก ไม่ว่าจะเป็น กินอะไรแล้วไม่รู้จักเก็บ ขี้ลืม ซกมก และเจ้าชู้ (ผมเข้าใจว่าประเด็นนี้น่าจะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เธอเกิดอาการควันออกหูจนอดรนทนไม่ได้ รีบบึ่งรถมาพบผมเป็นการด่วน)ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยฤทธิ์โทส

ผมชินเสียแล้วกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หนุ่ม (ไม่อยาก) โสดอย่างผมต้องมานั่งกระพริบตาปริบๆ คอยเป็นที่ปรึกษารับฟังปัญหาเรื่องความรักให้ใครต่อใคร ทั้งที่ในชีวิตจริงก็ไม่มีกับเขา


หลายต่อหลายครั้งศิราณีที่ขาดประสบการณ์ตรงอย่างผมจึงทำได้เพียงการนั่งนิ่งๆ พยักหน้าเบาๆ ยิ้มให้คู่สนทนา และเปิดหู เปิดตา เปิดใจ เพราะผมได้เรียนรู้แล้วว่า ในยามที่คนเรามีความขุ่นข้องไม่สบายใจ เราไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่าคนที่พร้อมจะ ฟัง เรา เท่านั้นจริงๆ

การเป็นผู้ฟังที่ดีถือเป็นยาขนานหนึ่งที่ออกฤทธิ์บำบัดโกรธได้ผลทันตาเห็น เพราะนอกจากจะช่วยคลี่คลายให้ผู้พูดที่มักจะเอาแต่พูดๆๆๆ (เรื่องของตัวเอง) เพื่อระบายสิ่งที่ติดค้างไม่สบอารมณ์ในใจให้หมดไปให้รู้สึกดีขึ้นแล้ว ทุกครั้งที่ได้ฟังเพื่อนเปิดใจ ผมมักได้ “เรื่องดีๆ” เป็นรางวัลกลับมาให้ขบคิดเป็นของแถมเสมอ

อยากบอกเล่าประโยชน์ของการเป็นผู้ฟังที่ดีให้คุณได้ลองฟัง (อ่าน) กันครับ


แค่ ฟังก็เขาช่วยได้

หลายครั้งการเปิดใจรับฟัง สามารถช่วยแก้ปัญหาให้กับคนใกล้ตัวของเราได้ เพราะเรื่องบางเรื่องที่ดูว่าหาทางออกไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องรักความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงของคู่รักทำนองรักสามเศร้าเราสามคน ปัญหาด้านการเงิน ปัญหาครอบครัว เป็นต้น เมื่อเขาได้ระบายและมีคนช่วยคิดแก้ไข ปัญหาที่ว่าหนักอาจมีทางออกที่เขาอาจมองไม่เห็นตั้งแต่แรก

สำหรับบางปัญหาที่สาหัสเกินจะแก้ไขได้ในทันที แค่เราให้เวลาเขาสักนิด เปิดโอกาสให้เขาได้ระบาย ฟังที่เขาพูดอย่างใส่ใจ แม้ปัญหานั้นจะไม่ได้รับการแก้ไขแต่อย่างน้อย การได้ ระเบิดความอัดอั้นออกมาจากใจ ก็ช่วยให้เขาสบายใจขึ้น


ฟัง ไว้เตือนตน

การเปิดพื้นที่รับฟัง เป็นการช่วยเหลือผู้อื่นที่ทำได้ง่ายมาก และทำให้ผมได้รู้ว่า เมื่อเทียบกับเพื่อนหรือเจ้าของปัญหาเอง บางเวลาปัญหาของเราก็เล็กนิดเดียว อย่างในกรณีของผม แม้จะเหงาบ้างเวลาต้องอยู่คนเดียวและไม่มีใครให้คิดถึง แต่ก็มีข้อดีคือไม่ต้องอารมณ์เสียบ่อยๆกับเรื่องหยุมหยิมตามประสาคู่รักเหมือนที่เพื่อนประสบ

“แกจำไว้เลยนะ ถ้าวันหนึ่งวันใดแกเกิดมีแฟน อย่าทำแบบนี้เด็ดขาด”

เพื่อนสาวระบายอีกก๊อก หลังได้เปิดใจไปแล้วกว่าสิบนาทีใบหน้าของเธอค่อยดูดีขึ้น สิ่งที่เพื่อนเล่า เป็น ตัวอย่างที่ดีให้ผมนำไปปรับใช้ได้ในอนาคต อย่างน้อยผมก็รู้แล้วว่า ควรทำตัวอย่างไร ในอนาคต หากตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับแฟนของเพื่อน


ยิ่งฟัง ยิ่งได้

ทุกวันนี้ โลกของเราเต็มไปด้วยคนที่เอาแต่พูดๆๆ และคนที่เห็นเรื่องของตัวเองใหญ่กว่าเรื่องของใครทั้งหมด เพราะบ้านเรามีแค่คนแย่งกันพูด ไม่มีคนฟัง จึงทำให้หลายต่อหลายครั้งเกิดเรื่องราวลุกลามใหญ่โต

ยิ่งมีแต่คนพูด การเป็นผู้ฟังที่ดียิ่งเป็นเรื่องจำเป็น

แค่เสียสละเวลาสักเล็กน้อยให้กับคนรอบข้าง นั่งฟัง และทำความเข้าใจกันและกันมากขึ้น เพียงเท่านี้ก็ขึ้นชื่อว่าได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแล้ว เพราะเรื่องบางเรื่อง แค่เราเปิดใจรับฟัง ไม่จำเป็นต้องออกความเห็นเสียด้วยซ้ำ เช่น ในกรณีของเพื่อนผม เธอแค่รู้สึกเบื่อที่มีแฟนไม่เอาไหน แต่ไม่ได้อยากเลิกเสียหน่อย พอได้พูด ได้ระบาย สุดท้ายก็กลับมายิ้มแย้มแจ่มใสและให้อภัยแฟนของเธอเหมือนเดิม

คุณอั๋น - ภูวนาถ คุนผลิน เคยเขียนไว้ในหนังสือเรื่อง คนอย่างเธอต้องเจออยางอั๋น ว่า “เคยสังเกตไหมครับ คำว่า ‘Listen’ ที่แปลว่าฟังนั้น ใช้อักษรตัวเดียวกับคำว่า ‘Silent’ ที่แปลว่าเงียบเลย เพราะฉะนั้นการฟังอาจช่วยเขาได้ทั้งๆที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย

พอจะเห็นพลังของการฟังกันบ้างหรือยังครับ


หมายเหตุ

ใครมีประสบการณ์ เรื่อง การฟังที่ประทับใจ (จะฮา จะเศร้า หรือแปลกแหวกแนวยังไงได้หมด) เล่าสู่กันฟังได้ ในช่องแสดงความคิดเห็นครับ)